
ประวัติความเป็นมาของอำเภอพร้าว
อำเภอพร้าวมีชื่อเรียกตามภาษาพื้นบ้านว่า "เมืองป้าว" เป็นเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณว่า “เวียง
พร้าววังหิน” หรือ “เวียงแจ้สัก” ปัจจุบันเรียกว่า “เมืองพร้าว” มีประวัติความเป็นมาปรากฏตามตำนานโยนก ดังนี้
พุทธศักราช 1780 “พระเจ้าราวเม็ง” ผู้ครองนครหิรัญนครเงินยาง(จังหวัดเชียงราย) มีมเหสีทรงพระนามว่า
“พระนางเทพคำข่าย” มีโอรสชื่อ “เม็งราย” พ.ศ.1801 พระเจ้าราวเม็งทิวงคต พระเจ้าเม็งรายพระราชโอรสได้ขึ้นครอบราชสืบต่อมา ในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 20 พรรษา มีพระโอรส 3 พระองค์คือ (1) ขุนเครื่อง (2)ขุนคราม (3)ขุนเครือ
พุทธศักราช 1816 พระเจ้าเม็งรายทราบข่าวว่าทางหริภุญชัยนคร(เมืองลำพูน) อุดมสมบูรณ์พูนสุข จึงส่ง
”อ้ายฟ้าจาระบุรุษ” ไปกระทำวิเทโสบายกลศึกทางเมืองลำพูนนานถึง 7 ปี อ้ายฟ้าได้กระทำการสำเร็จ จึงทูลพระเจ้าเม็งรายเพื่อเกณฑ์ไพร่พลยกทัพไปตีเมืองลำพูน
พุทธศักราช 1823 พระเจ้าเม็งรายทรงให้ขุนคราม โอรสองค์ที่สอง ครองเมืองเชียงราย และพระองค์ได้ยก
ทัพไพร่พลมุ่งสู่เมืองลำพูน การเดินทัพถึงที่แห่งหนึ่ง พระองค์เห็นว่าท้องที่แห่งนี้เป็นชัยภูมิที่เหมาะสมตามตำราพิชัยสงคราม มีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ จึงหยุดทัพเพื่อสะสมไพร่พลและเสบียงอาหารเพื่อให้กองทัพมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยตั้งค่ายคูประตูหอรบ อย่างมั่นคงแข็งแรงอยู่บนสันดอยแห่งหนึ่งชื่อ “เวียงหวาย” และขนานนามว่า “นครป้าว” บางตำนานว่า “นครแจ้สัก” หรือ “เมืองป้าววังหิน” (คำว่า “ป้าว” มาจากคำว่า “ป่าวร้องกะเกณฑ์ไพร่พล” ภาษาท้องถิ่นหมายถึง “มะพร้าว” เพราะลักษณะภูมิประเทศมีภูเขาล้อมรอบกลมกลืนเหมือนลูกมะพร้าว) เมืองคงสร้างขึ้นด้วยพลโยธาของพระเจ้าเม็งรายและยังสร้างไม่เสร็จพระองค์ได้ยกทัพสู่เมืองลำพูนต่อไป มุ่งทัพลงมาทางใต้เลียบฝั่งแม่น้ำปิงไปพบชัยภูมิอีกแห่งหนึ่ง แต่ภารกิจยังไม่บรรลุเป้าหมาย จึงเคลื่อนทัพเข้าที่ราบผืนนี้ทำการเกณฑ์ไพร่พลขึ้นใหม่เพื่อสร้างเมืองและขนานนามว่า “นครพิงค์” (นครพิงค์สร้างหลังเมืองป้าวประมาณ 15 ปี ประมาณ พ.ศ.1828)
ในเวลาต่อมาพระเจ้าเม็งรายทรงเสด็จมาครองเมืองนครพิงค์ที่สร้างขึ้นใหม่ และขนานนามเมืองที่สร้างขึ้น
ใหม่ว่า “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” และทรงให้ขุนเครือ ราชโอรสองค์ที่สามไปครองเมืองป้าว ขุนเครือได้บูรณะและสร้างต่อเติมเมืองป้าววังหิน (เวียงที่กล่าวนี้ อยู่ที่วัดพระเจ้าล้านทองถือว่าเป็นศูนย์กลางเวียง) จนได้ขนานนามว่า “นครป้าว” ขุนเครือครองเมืองป้าววังหินนานเท่าไรไม่ปรากฏหลักฐาน จนถึงปีสุดท้ายได้ถูก พระเจ้าเม็งรายลงทัณฑ์เกี่ยวกับการทำกาเมสุมิฉาตาลกับพี่สะใภ้ จึงถูกเนรเทศไปยังเมืองปาย (จังหวัดแม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน) หลังจากนั้นนครป้าวจึงลดลงมาเป็นเมืองลูกหลวง ในเวลาต่อมา กษัตริย์ผู้ครองนครล้านนาไทยไม่มีราชบุตร ก็ส่งขุนนางคนสนิทไปครองเมืองแทน จนกระทั่งสมัยพระเจ้าแกน(พ.ศ.1954-1958) พระองค์ส่งลูกเจ้าราชบุตรองค์ที่ 6 หรือเจ้าติโลกราช หรือพระเจ้านิโลกราช ไปครองนครป้าว นับเป็นองค์สุดท้ายที่ครองนครป้าวนับแต่สร้างนครป้าวมา(พ.ศ.1823) จนถึงปัจจุบัน(2550) มีอายุถึง 727 ปี
การปกครองสมัยนั้นเรียกหัวเมืองเป็นแขวง คือ แขวงเมืองพร้าว ผู้ดำรงตำแหน่งนายแขวงคนแรก คือ
นายจันทร์ (ไม่ทราบนามสกุล) มีนายแขวงปกครองติดต่อกันมาจนถึงสมัยขุนชำนินรการ ซึ่งเป็นนายแขวงคนสุดท้าย ในปี พ.ศ.2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยเปลี่ยนจากนายแขวงมาเป็นนายอำเภอ ทำให้อำเภอพร้าวมีนายอำเภอเป็นผู้ปกครองบริหารราชการมาจนถึงปัจจุบันนี้
ความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรม
ความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรมของอำเภอพร้าวที่สำคัญ คือ
- ประเพณีใส่ขันดอกอินทขิล ( ศาลหลักเมือง ) และสืบชาตาเมืองพร้าว ตำบลเวียง เป็นงานประจำปีของ
อำเภอ เชื่อว่า การบูชาศาลหลักเมืองและสืบชาตาเมืองพร้าว แล้วจะทำให้บ้านเมืองมีความร่มเย็น เป็นสุข ปราศจากทุกข์ภัย บัดเป่าภัยพิบัติต่าง ๆ ของเมืองพร้าว
- ประเพณีสรงน้ำพระเจ้าล้านทอง ตำบลน้ำแพร่ ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เหนือของทุกปี เพื่อทรงน้ำ
พระพุทธรูปเจ้าล้านทอง ณ วันพระเจ้าล้านทอง เป็นการแสดงความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระเจ้าล้านทอง โดยเชื่อว่าจะทำให้เกิดความร่มเย็น ความเจริญ ปัดเป่าเพศภัยต่าง ๆ แก่บ้านเมือง ทำให้อยู่อย่างมีความสงบสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น